TALK FROM HOME 2 - จันทร์ที่ 25 พ.ค. 19.00 น.

TALK FROM HOME 2 - จันทร์ที่ 25 พ.ค. 19.00 น.

มุมมองของพระรุ่นใหม่ต่อการไปต่อของประเทศไทย

เมื่อสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาได้กระทบกับผู้คนในวงกว้าง รวมไปถึงในหมู่พระสงฆ์ที่จะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย มาฟังมุมมองจากพระอาจารย์นภันต์ ผอ.สถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ (สกพ.)ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ พระรุ่นใหม่ที่จะมาเปิดมุมมองที่มีต่อสถานการณ์โควิดและการไปต่อของประเทศไทย

การปรับตัวในช่วงโควิดของพระสงฆ์

มาตรการการรักษาระยะห่าง (Social Distancing) ส่งผลกระทบพอสมควรในหมู่พระสงฆ์ โดยเฉพาะกิจของสงฆ์อย่างการออกบิณฑบาต และการถวายเพล ได้มีการปรับตัวด้วยการให้พระสงฆ์ใช้หน้ากากและเมื่อมีคนมาถวายเพลสามารถให้พระสงฆ์ออกมาทำพิธีได้ทีละรูปเท่านั้นถึงแม้จะมีสิ่งที่ต้องปรับตัวมากขึ้นก็ไม่ได้ลดจำนวนคนที่ตักบาตรและถวายเพลเลย ทั้งนี้พระสงฆ์ได้นำอาหารที่ได้รับจากการบิณฑบาตมาบริจาคที่ตู้ปันสุข อีกทั้งยังกระจายเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยไปให้ผู้คนที่ขาดแคลนอีกด้วย

ได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ๆ

การมาของโควิดในครั้งนี้ ทำให้เกิดการปรับตัวในการประชุมออนไลน์ เรียนรู้ที่จะใช้แอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน มีการเรียนรู้จากดิจิทัลสู่ดิจิธรรม ให้ผู้คนต่างรู้ว่าจะสู้หรือช่วยเหลือคนอื่นอย่างไรในวิกฤตนี้ อีกทั้งยังได้อยู่กับตัวเองอย่างมีสติมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อมาตรการผ่อนคลายลงแล้ว ยังกังวลว่าคนจะละเลยและหลงลืมจนไม่ได้รักษาระยะห่างที่เหมาะสมแล้ว จึงอยากให้จำความรู้สึกมรณานุสติจากตอนวิกฤตโควิดในครั้งนี้ไว้เตือนสติถึงความไม่แน่นอนไว้เสมอ

อยู่อย่างมีความหวังและพลังใจ

ในตอนนี้มาตรการประเทศไทยถือได้ว่าคำนึงถึงเศรษฐกิจและสุขภาวะอย่างเหมาะสม ชื่นชมทั้งภาครัฐ ประชาชน และบุคลากรสาธารณสุข แต่ยังดีกว่านี้ได้ถ้าร่วมมือกัน เมื่อใดที่รู้สึกแย่ขอให้มองคนที่แย่กว่าเรานั้นยังมี และมองคนที่ดีกว่าเพื่อพัฒนาตัวเองดั่งสำนวน “มองโลกให้มองต่ำ มองธรรมให้มองสูง” ถ้ายังรู้สึกกลุ้มใจกับสภาวะปัจจุบันที่เป็นอยู่ขอให้ดีใจว่าที่ยังรู้สึกเพราะว่ายังมีชีวิตอยู่ ขอให้อย่าสิ้นหวัง ลองทำอะไรบางอย่าง มีสติ และค่อยๆ คิดให้รอบด้าน การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และยังมีความหวังจะทำให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้

ร่วมมือแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและแยบยลคือการร่วมมือกันในระยะยาวเพื่อความอยู่รอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งจะต้องมีวิสัยทัศน์และการจัดการที่ดี อีกทั้งการใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยจากแต่ละคนมารวมกัน ทำให้เปลี่ยนแปลงตนเองและสังคมได้ โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัวที่เป็นเบ้าหลอมสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึก ลูกมีมุมมองต่อสังคมอย่างไรขึ้นกับพ่อแม่ทั้งนั้นว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ อีกทั้งสื่อมวลชนยังสามารถช่วยกันเผยแพร่ข่าวที่สร้างสรรค์และเป็นจริงได้ ดังนั้นอยากให้โลกเป็นอย่างไร สามารถทำได้ด้วยมือของพวกเรา

การร่วมมือกันในอนาคตจะเป็นไปอย่างราบรื่นถ้าสามารถหาจุดเชื่อมโยงกันได้ ช่องทางการเรียนรู้ยังมีอีกมากและไปได้อีกไกลถ้าร่วมมือร่วมใจกัน ลองเริ่มต้นทำสิ่งดีๆ โดยอย่าเริ่มที่ความเดือดร้อน และที่สำคัญทำแล้วอย่าคาดหวัง เพียงเท่านี้ก็ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นในระยะยาวแล้ว หากใครสนใจอยากทำสิ่งดีๆ กับสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ (สกพ.) ของพระอาจารย์นภันต์ สามารถติดต่อได้ทาง inbox ของ https://www.facebook.com/pmnapan